วิธีการเลี้ยงลูกให้ฉลาด เด็กอายุ 7 ถึง 12 ปีคิดว่าถึงเวลาที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่และเผชิญกับโลกภายนอก พยายามทำตัวให้เข้ากับสังคมไม่ว่าจะในกลุ่มเพื่อนหรือผู้ใหญ่ ดังนั้นการเลี้ยงดูโดยเอาใจใส่จากพ่อแม่จึงเป็นอีกต้นทุนสำคัญที่ช่วยให้ลูกได้ซึมซับและเรียนรู้ทักษะชีวิต เตรียมลูกของคุณให้สร้างบุคลิกภาพด้วยเชาวน์ปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เพื่อให้พวกเขาเป็นที่รักของคนรอบข้าง ฉันเติบโตที่นั่นอย่างมีความสุขพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นเด็กดี ลูกกตัญญู ลูกฉลาดใช่ไหมคะ ความฉลาด ในที่นี้หมายถึงพัฒนาการและการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย ภาษา ภาษา ความฉลาดเท่านั้นไม่ได้หมายถึงความฉลาดทางอารมณ์หรือ EQ (emotional) เชาวน์ปัญญา) ที่เด็กใช้พฤติกรรมที่เรียนรู้ หรือลักษณะนิสัยแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นอย่างมากวันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำเทคนิคและเคล็ดลับดี ๆ ในการเลี้ยงลูกให้ฉลาดทางอารมณ์มาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน
10 วิธีการเลี้ยงลูกให้ฉลาด
- พูดคุยกับลูกต่อไป
พ่อแม่พูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกตลอดเวลาในขณะที่ทำกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำ กินข้าว และตั้งใจฟัง ถามว่าลูกของคุณกำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไร พร้อมที่จะฟังเมื่อลูกของคุณถามคำถามและพยายามตอบคำถามเหล่านั้นให้ดีที่สุด การสนทนาแบบเห็นหน้าช่วยสร้างการเชื่อมต่อของสมอง ช่วยพัฒนาทักษะภาษา การสื่อสาร สอนให้ลูกเรียนรู้คำศัพท์และประโยคต่างๆ มากขึ้น และช่วยพัฒนาระบบการคิด นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว - อ่านหนังสือกับลูก
อ่านหนังสือกับลูกน้อยหรือฝึกให้ลูกอ่านอย่างถูกต้อง ช่วยพัฒนาการสื่อสารและความเข้าใจในการอ่าน ผู้ปกครองสามารถอ่านและแบ่งปันหนังสือนิทานและสารคดีสั้น คุณสามารถฝึกให้พวกเขาอ่านได้ ช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษา เป็นการฝึกสมาธิ และยังช่วยพัฒนาทักษะด้านอารมณ์และความรู้สึก คุณพ่อคุณแม่อาจปลูกฝังคุณธรรม หรือแนวคิดในการทำความดีให้เด็กๆ ได้ฟัง และร่วมคิด - ให้เวลาลูกของคุณเล่นหรือทำกิจกรรมอื่นๆ
การเล่นส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ควรเน้นของเล่นที่ช่วยพัฒนาทักษะ เปิดโอกาสให้ลูกของคุณเล่นกับเด็กคนอื่นๆ เช่น ทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ตั้งแคมป์ หรือเข้าคอร์สฝึกทักษะต่างๆ เช่น วาดรูปและร้องเพลง รู้จักวิธีสื่อสาร แสดงความคิด ความรู้สึกอย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยพัฒนาและสร้างรากฐานทางสังคมของลูกน้อย นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย พัฒนาสติปัญญา รวมถึงช่วยพัฒนาอารมณ์ - ส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกาย
นอกจากพัฒนาการการเรียนรู้ปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องดูแลและพัฒนาไปพร้อมกับเขา การส่งเสริมให้ลูกออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน วิ่ง หรือกระโดด สามารถช่วยให้ลูกน้อยเติบโตแข็งแรงและฉลาดขึ้นได้ การออกกำลังกายช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ให้ลูกของคุณฟังเพลงหรือเล่นบ่อยๆ
คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าการให้ลูกฟังเพลงบ่อยขึ้นจะช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น? โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟังเพลงคลาสสิกซึ่งมีคลื่นเสียงสม่ำเสมอทำให้ทารกสงบลง ดังนั้นสมองจึงเปิดรับบางสิ่งเช่นกัน ช่วยพัฒนาอารมณ์ จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ นอกจากนี้ การเล่นดนตรีประเภทต่างๆ เช่น เปียโน กีตาร์ กลอง ยังช่วยพัฒนาสมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวา ช่วยพัฒนาทักษะการใช้เหตุผลของลูก พัฒนาระบบความคิดที่ดีอีกด้วย - ค้นหากิจกรรมที่เด็ก ๆ สามารถทำได้เพื่อพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ
วิธีหนึ่งในการกระตุ้นความสามารถและศักยภาพของเด็กคือการให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมในของเล่นและกิจกรรมที่ทำให้พวกเขาคิด ทักษะการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์ ผู้ปกครองอาจสนับสนุนให้คุณทำสิ่งใหม่ๆ เช่น ต่อเลโก้ การเล่นละคร วาดภาพ ร้องเพลง เต้นรำ เล่นดนตรี หรือเล่นกีฬา ลูกของคุณอาจค้นพบสิ่งที่พวกเขาชอบทำ และเป็นไปได้ที่จะค้นพบความสามารถพิเศษที่ซ่อนอยู่ในนั้น - สอนให้ลูกรักตนเองและรักผู้อื่น
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กๆ ยังได้เรียนรู้ และในทางที่ดีก็จะพัฒนาความสามารถด้านต่างๆ ส่งเสริมลูก ขัดเกลาจิตใจ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาความฉลาดทางสติปัญญาและอารมณ์ เริ่มต้นจากการสอนลูกให้รู้จักการแบ่งปัน สอนลูกให้รักตัวเองและเผื่อแผ่สิ่งที่คุณแบ่งปันให้ผู้อื่น คุณไม่จำเป็นต้องเครียดกับการเรียนหรือพยายามทำตัวให้ฉลาดตลอดเวลา - สอนให้ลูกช่วยเหลือตัวเองและมีความรับผิดชอบ
การให้โอกาสเด็กเป็นอิสระและตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ช่วยให้พวกเขามีความคิดสร้างสรรค์ ให้คำแนะนำ เมื่อจำเป็นหรือช่วยเหลือเมื่อสิ่งต่างๆ นอกจากการสอนลูกให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองแล้วเราต้องฝึกให้ลูกรับผิดชอบงานประจำวันต่างๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานเดี่ยวหรืองานส่วนรวมโดยคุณสามารถกำหนดกฎเกณฑ์และระเบียบวินัยในการให้ขอบเขตที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำได้และทำไม่ได้ - กระตุ้นให้เด็กรู้สึกมีค่า
ผู้ปกครองควรอย่าลืมส่งเสริมบุตรหลานและส่งเสริมทักษะด้านต่างๆ พ่อแม่ควรรู้สึกขอบคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูก ๆ ของพวกเขาแข็งแรงและประสบความสำเร็จ แต่เมื่อพวกเขายังเล็กอยู่ พวกเขาต้องการการสนับสนุนและกำลังใจ อย่าทำให้ลูกของคุณคลั่งไคล้เป็นคำชมที่สมเหตุสมผลซึ่งช่วยให้ลูกของคุณสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง หรือเห็นคุณค่าในตนเองสูงขึ้นซึ่งจะทำให้เขาทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีและมีประสิทธิภาพ - เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกของคุณ
ที่สำคัญพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก เพราะลูกจะเรียนรู้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีใครสอน ตัวอย่างเช่น หากพ่อแม่ที่มีนิสัยรักการอ่านมักจะอ่านหนังสือในเวลาว่างหรืออ่านหนังสือภาพให้ลูกฟัง เตรียมพร้อมที่จะพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือที่ลูกของคุณกำลังอ่าน มันทำให้ซึมซับการอ่านโดยไม่รู้ตัว วิธีการเลี้ยงลูกให้ฉลาด